ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) คืออะไร? เจ้าของธุรกิจไม่ควรพลาด

ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) คืออะไร? เจ้าของธุรกิจไม่ควรพลาด

ในปัจจุบันประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 สรรพากรเองก็เร่งส่งเสริมทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมขับเคลื่อน Digital Tax Ecosystem เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ระบบภาษีอากรที่เป็นรูปแบบดิจิทัล 100% ภายในปี 2571 และใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์(e-Tax Invoice) คือ ใบกำกับภาษีที่สามารถส่งเข้าทาง Email หรือ SMS และได้รับการรับรองจากรมสรรพากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง มีทั้งหมด 2 รูปแบบ ดังนี้

ความแตกต่างระหว่าง e-Tax Invoice by Email และ e-Tax invoice & e-Receipt

1.eTax Invoice by Email

eTax Invoice by Email เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี และจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สามารถจัดทำได้เพียงใบเพิ่มหนี้ ใบลดหนี้ และใบกำกับภาษี และต้องจัดทำเอกสารให้อยู่ในรูปแบบ PDF/A-3 เท่านั้น นอกจากนี้ วิธีการส่งที่กำหนดให้ส่งผ่าน Email ให้ลูกค้าเท่านั้น และจัดทำสำเนา (CC) ไปที่ csemail@etax.teda.th เพื่อให้ระบบทำการรับรองเวลา (Time Stamp) และระบบจะทำการรับรองและส่งไปหาลูกค้า เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้น อีกทั้งยังมีขั้นตอนการยื่น

กดที่ลิ้งค์เพื่อตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิจัดทำใบกำกับภาษี โดยการประทับรับรองเวลา (Time Stamp) ได้แล้ว https://interapp3.rd.go.th/signed_inter/publish/register.php

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม https://www.rd.go.th/27659.html หรือ https://etax.teda.th

2.eTax Invoice & eReceipt

eTax Invoice & eReceipt เหมาะสำหรับธุรกิจที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)และไม่ได้มีการจำกัดยอดรายได้ เอกสารสามารถจัดทำได้ทั้งใบเพิ่มหนี้ ใบลดหนี้ ใบรับเงิน และใบกำกับภาษี(เต็ม/ย่อ) โดยจะจัดทำในรูปแบบของไฟล์ .xml เท่านั้น หากเป็นรูปแบบอื่น จะต้องมีลงลายมือชื่อดิจิทัล(Digital Signature) เพื่อส่งมอบให้ลูกค้าทุกครั้งที่มีการซื้อสินค้าหรือให้บริการ ผ่านวิธีการจัดส่งทาง Email หรือ SMS ก็ได้ 

ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิจัดทำใบกำกับภาษีหรือใบรับโดยใช้ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ในการลงลายมือชื่อได้แล้ว คลิก https://etax.rd.go.th/etax_staticpage/app/#/index/registered#top

เอาเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง หากกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเลือกแบบใดดี เราได้จัดทำสรุป

1.มาตรการ Easy E-Receipt

เริ่มแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567 มาตรการ Easy E-Receipt หนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พิเศษเฉพาะบุคคลธรรมดาเท่านั้น สามารถนำค่าใช้จ่าย ค่าซื้อสินค้า/บริการภายในประเทศที่ออกโดยผู้ประกอบการที่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะ e-Tax Invoice by Email หรือ e-Tax Invoice & e-Receipt ภายในระยะเวลาดังกล่าว มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้สูงถึง 50,000 บาท สำหรับรอบปีภาษี 2567 (ยื่นรายการภายใน 1 มกราคม 2568 ถึง 31 มีนาคม 2568)

ข้อยกเว้นสำหรับสินค้าบางประเภทที่จะไม่เข้าร่วมโครงการ Easy e-Receipt ดังนี้

  1. การซื้อเหล้า เบียร์ ไวน์ ยาสูบ
  2. การซื้อรถยนต์ มอเตอร์ไซต์ และเรือ
  3. การซื้อทองคำแท่ง
  4. ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ
  5. ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ (ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต)
  6. ค่าบริการระยะยาวที่เริ่มต้นก่อนหรือสิ้นสุดหลังมาตรการ Easy e-Receipt
  7. ค่ารักษาพยาบาล
  8. ค่าเบี้ยประกัน

2.ลดค่าใช้จ่าย

บริษัทที่สามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้ จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้หลายส่วนมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนค่ากระดาษ ค่าหมึกในการพิมพ์เอกสาร ค่าไปรษณีย์ ค่าเรียกแมสเซนเจอร์หรือค่าเดินทาง รวมถึงบริษัทที่ทำการเข่าพื้นที่เอกสาร อาจจะต้องพิจารณาเรื่องการเช่าใหม่อีกครั้งได้เลยครับ

3.ประหยัดเวลาส่งผ่าน Email ได้เลย

หลังจากที่มีใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์แล้ว เพียงแค่ทำการส่งไฟล์ไปให้กับลูกค้า และจัดทำสำเนา (CC) ไปที่ csemail@etax.teda.th แล้วรอให้ระบบจัดการได้เลย ง่าย ๆ เพียงเท่านี้

4.ลดปัญหาเอกสารสูญหาย

ตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร กำหนดให้ใช้ไฟล์ PDF/A-3 ซึ่งทาวเราขอสรุปให้เข้าใจง่ายเลย

PDF/A-3 เปรียบเสมือน PDF เวอร์ชั่นใหม่ สามารถจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลได้ระยะยาว ไม่ขึ้นกับอุปกรณ์แสดงผล หรือเทคโนโลยี สามารถค้นหาตัวอักษรได้ด้วย ทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบ คนที่เปิดอ่านไฟล์ก็เห็นเหมือนกับเป็นไฟล์ PDF ปกติ

5.ภาพลักษณ์ที่ดี

บริษัทที่มีการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากจะช่วยกระตุ้นเศรฐกิจภายในประเทศแล้ว บริษัทยังมีภาพลักษณ์ที่ดี เสียภาษีอย่างถูกต้อง ไม่มีเจตนาที่จะเลี่ยงภาษี นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อน ลดการใช้กระดาษ

6.บริษัทขนาดเล็ก

การที่เป็นบริษัทขนาดเล็กทำให้สามารถคิด ตัดสินใจ ลงมือทำได้เร็ว ไม่ต้องรอการพิจารณาหรือรอเข้าที่ประชุมแต่อย่างใด หากมองเห็นในโอกาสสามารถเริ่มทำได้ทันที พิเศษเฉพาะบริษัทที่มีรายได้ยังไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี

7.รู้ผลไว ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก

หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจ สามารถเริ่มได้ง่ายเพียงกรอกข้อมูล นำส่งเอกสาร ก.อ.01 และรอรับรหัส Active Code ตามที่อยู่ที่กรอก และเข้าใช้งานในเว็ปไซต์ของกรมสรรพากรได้เลย ระยะเวลาที่กล่าวมาทั้งหมดก็ไม่นานอีกด้วย

คลิก https://interapp3.rd.go.th/signed_inter/src_inter/main2.php